บทที่ 4 ตอนที่ 4
“เอาน่า อย่าเล่นตัวนักเลย” เซรีมพูดอย่างรู้ทัน “ห้าล้านบาท ฉันจะเซ็นเช็คให้เธอทันที เดี๋ยวนี้เลย และไม่ต้องกลัวเช็คเด้งนะ เพราะเงินแค่ห้าล้านบาทไทยมันน้อยนิดสำหรับฉันมาก”
มะลิจ้องมองผู้ชายตรงหน้าเขม็ง โกรธจัด “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีทาง ไสหัวของคุณกลับไปได้แล้ว ไปสิ!”
“สิบล้านบาท”
“ถ้าคุณยังไม่หยุดเอาเงินฟาดหัวฉันอีกล่ะก็ ฉัน... ฉันจะต่อยคุณให้คว่ำเลย” หล่อนตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความเกลียดชัง แต่เซรีมกลับคิดว่าหล่อนแสดงละคร
“ยี่สิบล้าน... โอ๊ย...!”
หมัดเล็กของมะลิซัดเข้าใส่มุมปากของเจ้าชายแห่งแดนทรายอย่างจังและเต็มแรง เขาถอยหลังไปเล็กน้อยกับแรงปะทะจากกำปั้นเล็ก หยาดเลือดไหลออกมาเพราะปากของเขาแตกเป็นแผล
“เธอทำบ้าอะไรเนี่ย!”
เซรีมเอามือปาดเลือดที่มุมปากออก ก่อนจะจ้องหน้าเจ้าของกำปั้นด้วยความเดือดดาล
“ฉันเตือนคุณแล้ว”
“ถ้าตอนนี้เธออยู่ที่ซาเรีย เธอถูกบั่นคอไปแล้ว มะลิ กรองอักษร!”
แม้จะรู้สึกหวาดกลัวกับคำขู่ของเจ้าชายตรงหน้า แต่หล่อนจะแสดงความรู้สึกอ่อนแอนั้นออกไม่ได้ หล่อนต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องฮัสซัน
“คอฉันจะไม่มีทางถูกตัด เพราะฉันจะไม่มีทางเหยียบย่างไปยังบ้านป่าเมืองเถื่อนของคุณเด็ดขาด รวมถึงฮัสซันด้วย เราสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย และพวกคุณก็ไม่มีทางแยกเราสองคนออกจากกันได้”
หล่อนต่อว่าเขาอย่างดุเดือด และไม่มีทางยอมแพ้แม้แต่น้อย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเอาจริง หากเป็นคนอื่นอาจจะถอยหนี แต่สำหรับเขา... เจ้าชายแห่งทะเลทรายที่เลือดทั้งตัวเต็มไปด้วยความทะนง ไม่มีทางเสียละ
“ก็ไม่แน่นะ มะลิ กรองอักษร”
เขาก้าวเข้ามาหาใกล้จนได้กลิ่นกายบุรุษชัดเจน หล่อนจะถอยหลังหนี แต่อ้อมแขนกำยำตวัดรัดรวบเอวคอดเอาไว้ และกระชากเข้าไปกอดรัดแน่น
“ปล่อยนะ คุณจะทำบ้าอะไรเนี่ย...”
เขาก้มหน้าต่ำลงมาหา ดวงตาสีทองตรึงดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของหล่อนเอาไว้อย่างแน่นหนา หล่อนไม่เคยอยู่ชิดใกล้กับผู้ชายคนไหนมากเท่านี้มาก่อนเลย
“คุณ... จะทำอะไร...”
ดวงตาของหล่อนมีแต่ความประหม่าและตื่นกลัว ไม่เหลือความอวดดีแม้แต่น้อย แก้มนวลแดงระเรื่อ เมื่อริมฝีปากหยักสวยของผู้ชายหล่อจัดเคลื่อนเข้ามาชิดใกล้
“ลงโทษแบบเจ้าชายทะเลทรายยังไงล่ะ”
เขา... หมายถึงอะไรนะ
มะลิยังไม่ทันจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้ ลำคอระหงของหล่อนก็ถูกกอบกุม จากนั้นเขาก็ประกบปากลงมาหาอย่างรวดเร็ว สัมผัสของเขาทั้งดุดัน หนักหน่วง และแสดงความเป็นใหญ่ของเพศชาย
หล่อนขัดขืน ผลักไส แต่จุมพิตจากเจ้าชายทะเลทรายช่างดุดันเสียเหลือเกิน ไม่ช้า ร่างกายของหล่อนก็อ่อนระทวย ปากอิ่มที่เคยเม้มแน่นและส่ายหนี ตอนนี้ถูกดูด ถูกบดคลึงด้วยความหิวกระหาย สองร่างเคลื่อนไหวกอดรัด แรงปรารถนาที่ปะทุคุกรุ่นมาตั้งแต่แรกสบประสานสายตากำลังครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง
ลิ้นใหญ่แลบออกมาตวัดไล้เลียกลีบปากอิ่ม ก่อนที่จะดุนดันเข้ามาภายในอุ้งปากสาว หล่อนตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ความเจนจัดของเจ้าชายเถื่อนมีอำนาจรุนแรงเหลือเกิน รสจูบดุดันของเขาทำให้หล่อนลุ่มหลงในความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ฝ่ามือเล็กที่เคยดันแผงอกกว้างเอาไว้ ตอนนี้ไต่ขึ้นไปตามลำคอแกร่ง ก่อนจะโอบกอดเอาไว้ และเผยอปากจูบตอบเจ้าของทัณฑ์จุมพิตด้วยความเต็มใจ
“อา...”
นั่นเสียงของหล่อนเหรอ... ใช่ไหม... ทำไม... หล่อนถึงส่งเสียงแบบนั้นออกไปล่ะ
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเสียงครางของตัวเองหลุดออกจากลำคอ ความอับอายขายหน้ากระชากสติสัมปชัญญะให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
“อย่า...”
เสียงคัดค้านของหญิงสาวเจ้าของอุ้งปากที่หวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้าดังแว่วมาเข้าหู และมันก็มีอำนาจพอที่จะช่วยเรียกสติของเจ้าชายหนุ่มให้กลับคืนมา
ทุกอย่างรอบตัวหยุดชะงัก เซรีมเงยหน้าขึ้นจากซอกคอระหงที่ตัวเองเพิ่งจะดูดกัดทันที ก่อนจะรีบคลายอ้อมแขนออก และถอยออกห่างร่างอวบอัดเต็มไม้เต็มมือนั้นอย่างรวดเร็ว
นี่เขา... ทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย?
เซรีมสบถออกมาเสียงดัง ทั้งโกรธทั้งโมโหตัวเองที่ปล่อยให้ความรู้สึกชั้นต่ำแบบนั้นเข้ามาครอบงำ หล่อนเป็นเมียเก็บของน้าชาย และเขาก็ไม่ควรจะแตะต้อง
แต่ทำไม... ร่างกายของเขาถึงอยากได้หล่อนนักหนานะ
เจ้าชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยเส้นผมของตัวเองอย่างหงุดหงิด เขาใช้เวลาเกือบนาทีเพื่อควบคุมจังหวะการหายใจของตนเอง ก่อนจะเค้นเสียงราบเรียบออกมาคล้ายกับก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาใหม่”
มะลิก้มหน้างุด หน้าร้อนผ่าว แต่ไม่ใช่แค่ที่ใบหน้าอย่างเดียวที่ร้อนราวกับถูกนาบด้วยถ่านติดไฟ แต่อวัยวะบางอย่างที่อยู่กึ่งกลางลำตัวก็ร้อนรุ่มไม่ต่างกัน
“ไม่จำ... เป็น... เพราะถึงยังไง ฉันก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรสนใจ เพราะฉันจะกลับมาพร้อมกับทนายความ และตำรวจ”
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา มองผู้ชายเจ้าของจุมพิตดุดันด้วยความตื่นตกใจ
“คุณ... จะพาตำรวจมาทำไมคะ”
“หึ... พรุ่งนี้เธอก็จะรู้ ฉันไปละ”
แล้วเจ้าชายจากแดนทรายก็หมุนตัวเดินลงบันไดบ้านไป หล่อนมองร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นไปในรถ ก่อนที่รถสปอร์ตราคาแสนแพงจะแล่นออกไปจากลานหน้าบ้าน
“ฉัน... ไม่ยอม...”
ร่างสาวสั่นเทา ขณะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้อีกครั้ง ภายในอกเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ฮัสซัน น้าไม่มีวันยอมเสียหนูไปอย่างแน่นอน น้าจะสู้...”
แม้ว่าคู่ต่อสู้ของหล่อนจะเป็นเจ้าชายเถื่อนจากดินแดนทรายอันไกลโพ้นก็ตาม
เขาหล่อ เขามีเสน่ห์ และแสนอันตราย รวมถึงเงินในกระเป๋าก็มีมากมายเท่ากับเม็ดทรายในบ้านเมืองของเขา แต่หล่อนจะไม่ยอมแพ้ ต่อให้ต้องแลกด้วยลมหายใจก็ตาม
